วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สัญญาณ ที่บ่งบอกว่า ชีวิตกำลังไปสู่ทางดีหรือร้าย



                                                                      life

...แน่นอน ช่วงหลายอาทิตย์ต่อมาผมลองสังเกตเขาตอนอยู่ที่ยิม ก็เห็นเขาส่งยิ้มหยั่งเซิงให้คนอื่นๆ เหมือนกันเลย ผมเลยตัดสินใจว่าทางที่ดีเรามาเป็นเพื่อนเฉย ๆ โดยไม่ต้องมีอะไรกันเลยดีที่สุดแล้วความเป็นเพื่อนของเราก็เติบโตยิ่งใหญ่ เหนือกว่าที่ผมจะคาดคำนวณมากนัก เพราะมันกลายเป็นความสัมพันธ์ที่พลิกผันชีวิตผมไปทั้งชีวิตผ่านไปหลายวัน หลายสัปดาห์ การคุยกันของเราลึกซึ้งขึ้นอย่างรวดเร็ว เราเริ่มเปิดใจคุยถึงอดีตตัวเองแล้วค่อยจำได้ว่าเราเคยรู้จักกันมาแล้วหลาย ปีก่อนนี่เอง เป็นการถึงบางอ้อที่น่าปลื้มใจมาก ความปลื้มใจอย่างที่สุดที่ได้รู้ว่าเรารู้จักกันมาก่อนตอนเป็นเด็กวัยรุ่น ยิ่งช่วยกระตุ้นความเป็นเพื่อนของเราให้แน่นแฟ้นขึ้นเยอะ สองคนรื้อฟืนถึงเรื่องที่เคยเจอมาด้วยกันแล้วหัวเราะขำกลิ้งจนเราหาเรื่อง คุยกันได้ทุกวี่ทุกวันเวลาผ่านไปสักพักผมก็พูดประโยคที่แสนเรียบง่ายให้อัล เบิร์ตฟัง แต่มันกลับเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราไปเลยสิ้นเชิง ประโยคเหล่านั้นเองที่ทำให้อัลเบิร์ตเชื่อใจและรักผม ความเชื่อมั่นไว้ใจตัวนี้เองที่ต่อมาได้สร้างความผูกพันอันสามารถข้ามพ้นได้ แม้กระทั้งกำแพงอันเงียบงันของความตายเราสองคนกำลังนั่งในคาเฟ่ฃองเฮลท์คสับ แล้วผมก็พูดสิ่งที่เพื่อนผู้ฉลาดลึกซึ้งคนหนึ่งของผมชื่อแชรอนชอว์เคยบอกผม ไว้ว่า“อัลเบิร์ต เครื่องไล่หนูราคา เราอยากให้นายรับรู้ความรู้สึกเราเรื่องหนึ่ง มันสำคัญมากเลยนะ เพราะนายกำลังจะเป็นเพื่อนที่สนิทมากคนหนึ่งของเราเราชอบนายและห่วงนายมาก ๆ เราเป็นคนที่ไม่มีวันตัดสินการกระทำของใคร ขอร้องนายว่าอย่ารู้สึกละอายกับการกระทำทุก อย่างที่เคยผ่านมาเลยนะ เพราะเราจะไม่ตัดสินนายเด็ดขาด ไม่ว่านายจะทำเรื่องอะไรก็ตามเราก็ยังเป็นเพื่อนของนายตลอดไป”เขามองหน้าผม นาตาคลอเต็มตา แล้วค่อยถามยํ้า1ว่าผมหมายความตามที่พูดจริงๆ หริอ ผมบอกว่าใช่ตามนั้นจริง แล้วทันใดนั้นนั้าตาที่รื้นก็ทะลักทลายออกมาหมดสิ้น เขาเอาแต่ร้องไห้แล้วก็ร้องไห้ แล้วบอกให้ผมรู้ทุกเรื่องทุกความลับ ทุกความรู้สึกละอายแก่ใจของเขา เขาเปิดใจเทความรู้สึกทั้งหมดที่เขาล้เก็บกดมันไว้มานานนับปีผมพาเขาออกมา ข้างนอก เราเดินกันไปหลายช่วงตึก แล้วก็พากันมานั่งใต้ร่มต้นไฟคัลเก่าแก่ต้นหนึ่ง เขาเปิดหัวใจและเปลือยดวงวิญญาณของตัวเองหมดแล้วทุกเรื่องราว เขาบอกผมว่า ตัวเองติดเชื้อเอชไอวีแล้ว แล้วก็เล่าเรื่องที่เคยหาเงินด้วยการเป็นผู้ชายขายตัว กับที่เคยทำศัลยกรรมพลาสติกมาด้วย ตอนที่เล่าอยู่ ภาษากายของเขาปกป้องตัวเองอย่างมาก อัลเบิร์ตนั่งในท่าที่เหมือนกับว่าอยากจะวิ่งหนีไปเสียให้พ้นๆ หรือกำลังรอการลงโทษอย่างนั้นแหละ ทว่าคำสารภาพหมดเปลือกของเขาไม่ทำให้ผมช็อคหรือเสียใจเลย เพราะที่สุดแล้วผมเองก็มืชีวิตอยู่กับโรคเอดลัเหมือนกับเขา และตัวผมเองด้วยเช่นกันที่เคยขายตัวมาสองครั้งตอนเป็นเด็กวัยรุ่น ผมยังเคยหลงรูปร่างตัวเองมาเหมือนๆ กับที่เขาเคยเป็นพอเขาเล่าจบ ผมก็พูดว่า “แค่นี้เองหรอกเหรอ? เรานึกว่าจะเป็นเรื่องที่มันน่ากลัวกว่านี้ซะอีก อย่างนายเคยฆ่า กำจัดหนู ใครตายอะไรแบบนั้นน่ะ”เขายิ้มแฉ่ง แล้วขอร้องผมตรงๆ เลยว่าอย่าทิ้งเขาไปนะผมจึงบอกเขาว่าเราจะเป็นเพื่อนกันไปชั่วชีวิต แล้วเราสองคนก็ กอดกัน อารมณ์เขาแจ่มใสขึ้น มิตรภาพและความรักของเราหยั่งรากแล้วอัลเบิร์ตเองก็เจอเคราะห์กรรมจากการสูญ เลียเพื่อนไปมากมายด้วยโรคเอดส์เซ่นกัน เขาถึงรู้คุณค่าของความรู้สึกที่เรามีให้กันอย่างแท้จรง เขาต้องการผมมากพอๆ กับที่ผมต้องการเขาในช่วงชีวิตที่มีแต่การพลัดพรากสูญเสียและท้อแท้สิ้นหวัง เราผูกพันกันรวดเร็วยิ่ง การรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กบวกกับความเชื่อใจที่อัลเบิร์ตมอบให้ผมยิ่งเสริม ความสัมพันธ์ของเราให้แข็งแกร่งมั่นคงขึ้น การได้ร่วมแบ่งปันเรื่องราวแต่หนหลังซึ่งเนิ่นนานนับสิบปีมาแล้วกับใครลักคน ช่างเป็นสิ่งวิเศษเหนืออื่นใด ณ จุดนั้นของชีวิต สำหรับผมแล้วเวลาสิบปีในวันนั้นมันช่างยาวนานกว่าสิบปีในวันนี้เหลือเกิน ผมปลื้มใจที่มีใครคนหนึ่งอยู่ข้างๆ ยามที่ต้องผ่านช่วงชีวิตอันยากเย็นในวัยเด็ก แล้วได้กลับมาเจอกันอีกครั้งเพื่อเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากที่ชีวิตของคนติด เอดส์ต้องพบเจอมันน่าตื่นใจเพียงไหนหนอที่เพียงแค่หนึ่งถ้อยสนทนาหรือแค่ หนึ่งเหตุการณ์ธรรมดาก็สามารถจุดประกายให้ลัมพันธภาพลึกซึ้งถึงเพียงนี้ นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาเราเจอหน้ากันทุกวี'วันแล้วที่สุดก็ถึงจุดที่ไม่ต้อง พูดอะไรก็เข้าใจกันได้แล้ว ความผูกพันที่ร้อยรัดเราไว้ ยิ่งนานวันยิ่งเข้มข้นขึ้นและแปลกขึ้นตลอดมา คนรอบข้างมักชอบบอกว่าเหมือนเราเป็นสองร่างวิญญาณเดียวกันกระนั้นมิตรภาพที่ ผมมีกับเพื่อนกลายเป็นสิ่งมีค่ามีความหมายมาก ยิ่งขึ้นในช่วงเวลาอย่างนี้ ผมมีเพื่อนสนิทรวมสี่คน มี สมุนไพรไล่หนู อัลเบิร์ตมาร์ค ไซม่อน โทนี่ แฮมิลตัน กับเคลลี่ โคล ชีวิตไม่เหมือนเมื่อก่อนตอนที่โลกนี้ยังไม่มีเอดลั ผมเองรู้สึกเลยว่าข้างในตัวเองเปลี่ยนไป ทั้งในแง่ร่างกายและจิตใจ บทชีวิตเปลี่ยนแปลงรสชาติชีวิตก็เปลี่ยนไป ด้านหนึ่งชีวิตลำบากขึ้น ส่วนอีกด้านสีสันเรื่องชีวิตของแต่ชีวิตแต่ละวันก็เข้มข้นขึ้นตามกัน เพราะเวลากลายเป็นสงมีค่าขึ้นมานั่นเอง จะมากจะน้อยผมปรับตัวเข้ากับลายนี้าของชีวิตได้ดี แล่นใบไปตามกระแสลมได้สวยพร้อมพาเพื่อนไปด้วยตามทางเราห้าคนมีพลังพอจะชวน กันออกนอกบ้านไปดูหนังดูละคร แถมยังมีเวลาถกกันเรื่องการเมืองหรืองานบุญงานกุศลอีกต่างหากการมีเพื่อนดี อย่างนี้ถือเป็นความปีติอย่างหนึ่ง เราห้าคนต่างกำลัง!กับเอดลัทุกคน พวกเราคือครอบครัวเดียวกันจรืง ๆ ครับสมัยนั้นผมเป็นคนชอบทำกับข้าว สมาชิกทั้งห้าเลยชอบมารวมตัวกันที่บ้านผมอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้งเสมอ พอกินข้าวเสร็จเราก็จะตั้งวงเล่นไพ,กัน ไม่ใช่ ไล่หนูธรรมชาติ เพราะอยากกินข้าวหรือชอบเล่นไฟหรอกครับที,นำเรามารวมตัวกัน แต่เป็นบรรยากาศของมิตรสหายต่างหาก พวกเรากลายเป็นกลุ่มให้กำลังใจกันและกัน มักสนใจคุยมากกว่าสนใจเล่นเกม เราชอบมีเรื่องมาคุยจนขัดจังหวะเล่นไพ่บ่อย ๆ ถึงขนาดบางครั้งก็ลืมเล่นไปเลยเพราะมัวแต่คุยกันถึงละคน เรื่องศิลปะ การเมือง หรือเรื่องความรัก ทุกคาคืนเหล่านั้นเรามีเรื่องมาหัวร่อล้อกันไปกันมาช่วงนั้นแหละครับที่เรา สามารถลืมเรื่องเอดล่ใปจากหัวได้บ้าง


เครื่องไล่หนู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น